วันนี้ (27 ธ.ค.2564) ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ได้ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา ในการสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ โดยในปี 2564 มีมติตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ร่วมกันดังนี้
ฉายารัฐบาล "ยื้อยุทธ์"
ภาพของรัฐบาลที่ยื้อแย่งกันเอง ทั้งในส่วนของอำนาจและตำแหน่ง โดยไม่สนใจประชาชนและการเดินหน้าประเทศ ถูกมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม และมองการดำรงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อยื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อไป ไม่ว่าจะมีการชุมนุมขับไล่อย่างไร ใครไม่อยู่แต่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ฉายา "ชำรุดยุทธ์โทรม"
การบริหารราชการแผ่นดินตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ถือได้ว่าเป็นผู้ที่รับบทหนักที่สุดแห่งปี ถูกมองว่าล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริหารราชการ หรือแม้แต่เรื่องทางการเมือง ถูกโจมตีรอบด้าน แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังอยู่ในตำแหน่งได้ แต่ก็ทรุดโทรม เสื่อมสภาพไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ฉายา "รองช้ำ"
ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พี่ใหญ่ในตระกูล 3 ป.อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประสบกับเรื่องช้ำๆ เจ็บซ้ำๆ มาโดยตลอด หลายสถานการณ์ต้องตกเป็นรอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องการเมือง โดยเฉพาะปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่เกิดความแตกแยกอย่างหนัก สะเทือนถึงพี่น้องอีก 2 ป สั่นคลอน "3ป Forever" ซ้ายก็น้องรัก ขวาก็ลูกน้องที่รัก หักใจเลือกใครไม่ได้ สุดท้ายต้องยอมแบกความเจ็บช้ำไว้คนเดียว
อนุทิน ชาญวีรกูล
ฉายา "ว้ากซีน"
ล้อมาจากคำว่า "วัคซีน" ภาพที่ผู้คนชกต่อยยื้อแย่งวัคซีน บุคลากรทางการแพทย์ดาหน้าออกมาเรียกร้องวัคซีนชนิด mRNA ผู้คนว้าก โวย เหวี่ยง ตำหนิการจัดหาและให้บริการวัคซีนที่ถูกเลื่อนไม่มีกำหนด เพราะวัคซีนไม่มาตามนัด ไม่ว่านายอนุทินจะชี้แจงอย่างไร กระแสตอบรับ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียไม่มีคำว่ารักษาน้ำใจ หรือเห็นถึงความพยายามในการแก้ปัญหาภาวะวิกฤต จนนายอนุทินต้องออกมาโต้ตอบอย่างดุเดือด ผ่านสื่อและโซเชียลทุกครั้งที่มีโอกาส
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
ฉายา “นายกฯ บางโพล"
แม้ปีนี้ยังไม่เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง แต่หัวหน้าพรรคการเมืองหลายพรรค แสดงความพร้อมประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรี หนึ่งในนั้นคือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีผลสำรวจความคิดเห็น หรือ โพล บางสำนักเท่านั้น ที่ต้องการให้นายจุรินทร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เปรียบได้กับการเป็นนายกรัฐมนตรีแค่บางโพล ไม่ใช่ทุกโพล
สุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์
ฉายา "มหาเฉื่อย 4D"
ตลอดการดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ยังแสดงฝีมือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ไม่เด่นชัด เช่น ปัญหาราคาน้ำมันแพง จนสมาคมรถบรรทุกออกมาประท้วงและหยุดวิ่ง ประชาชนกลายเป็นประชาจน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แม้จะผุดโปรเจ็กต่างๆ ก็ถูกมองเป็นนโยบายขายฝัน ด้วยเอกลักษณ์เดินถือแก้วกาแฟชิลๆ มอบนโยบายเหมือนบรรยายธรรม โดยเฉพาะนโยบาย 4D ท่องจนเป็นคาถาติดปาก จึงได้รับฉายานี้ไป
สุชาติ ชมกลิ่น
ฉายา "สุชาติ ชมเก่ง"
เกือบทุกครั้งในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อพูดถึงนโยบายของรัฐบาล หรืองานในความรับผิดชอบ นายสุชาติมักจะขึ้นต้นประโยคด้วยการชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของตนเอง จะถูกยกยอปอปั้นอยู่เสมอ แถมยังติดสอยห้อยตามการลงพื้นที่ต่างๆ อีกทั้งยังเป็นรัฐมนตรีหนึ่งเดียวที่ขันอาสาออกหน้ารับคำท้า ขึ้นชกมวยคาดเชือกกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แทนนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาท้าว่า ใครแพ้ลาออก และหากไม่รับคำท้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ
ฉายา "สายขม นมชมพู"
ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวที่คาราคาซังมานานข้ามปี ยังไม่มีข้อยุติ ผลพวงจากภาระหนี้สินก้อนใหญ่ยังหาทางออกไม่ได้ กลายเป็นเรื่องขมคอของหลายหน่วยงานภาครัฐ ซ้ำเจ้าตัวยังมีภาพหลุดที่ ส.ส.พรรคเล็กขุดมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อมโยงคลัสเตอร์โควิด-19 สถานบันเทิงย่านทองหล่อ ก่อนออกมาชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวแค่สะท้อนชีวิตหนุ่มโสด ร้องคาราโอเกะ ดื่มนมชมพู หาความสุขหลังเลิกงาน ไม่ใช่ชายเสเพล ใช้ชีวิตประมาท จนเกิดคลัสเตอร์การระบาด
พิพัฒน์ รัชกิจประการ
ฉายา "ดีลล่มระดับโลก"
การท่องเที่ยวถือเป็นรายได้สำคัญของประเทศไทย อีเวนต์ที่จะปลุกให้ทั่วโลกหันกลับมามองประเทศไทย และฟื้นเศรษฐกิจอีกครั้ง คืองานเคานต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ออกตัวการันตี Lisa วง Black Pink ศิลปินเกาหลี สัญชาติไทย ที่โด่งดังระดับโลก ตอบรับมาร่วมงาน ก่อนที่ดีลจะล่มไม่เป็นท่า เมื่อต้นสังกัดออกแถลงการณ์ดับฝัน ทำให้รัฐบาลเสียเครดิต แม้แต่โครงการ Sandbox ก็เกือบจะเป็น Sadbox ต้องลดพื้นที่ให้เหลือแค่ จ.ภูเก็ต เพราะสถานการณ์โควิด-19 ปะทุ
วาทะแห่งปี 2564 "นะจ๊ะ"
เป็นคำพูดติดปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะเป็นคำสามัญธรรมดาที่ใช้ทั่วไป แต่กลายเป็นคำไม่ธรรมดา เมื่อออกจากปากของผู้นำประเทศในช่วงสถานการณ์วิกฤตที่ประชาชนสิ้นหวัง มีผู้คนล้มตายข้างถนน ตกงาน ขาดรายได้ จากวิกฤตโควิด-19
แม้นายกรัฐมนตรีเลือกใช้คำดังกล่าว เพื่อที่จะลดอุณหภูมิของสถานการณ์ลง แต่สังคมสะท้อนกลับให้เห็นผ่านเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ว่าเป็นการใช้คำไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ กระทบกระเทือนจิตใจผู้คน โดยเฉพาะการพูดหลังการประชุมวัคซีนและการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ตึกภักดีบดิทร์ ทำเนียนรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2564 ที่ประชาชนต่างรอคอยการตัดสินใจของนายกฯ ในการพิจารณาข้อเสนอมาตรการล็อกดาวน์ กทม.และปริมณฑล สะท้อนภาวะความเป็นผู้นำที่ล้มเหลวในการสื่อสารเมื่อเกิดภาวะวิกฤต
อ่านข่าวอื่นๆ
สื่อให้ฉายาสภาปี 64 "สภาอับปาง"