วานนี้ (14 ธ.ค.2563) ศ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยภายในงานเปิดโครงการ "วัคซีนเพื่อคนไทย" ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยระบุว่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า ซึ่งนอกจากเรื่องการผลิตวัคซีน COVID-19 ที่ไทยผลิตได้แล้ว ไทยยังมีความสามารถด้านการผลิตยุทโธปกรณ์ โดยรัฐบาลจะประกาศสร้างยานอวกาศไปดวงจันทร์ ในกลางเดือน ม.ค.ปี 2564 และจะบินโคจรรอบดวงจันทร์ในอีก 7 ปีข้างหน้า
ภาพ : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ศ.เอนก ระบุด้วยว่า ไทยจะเป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ที่สามารถผลิตยานอวกาศ และส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ ถัดจากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และเพื่อให้บรรลุโครงการใน 7 ปี อาจขอความร่วมมือและสนับสนุนจากประชาชนในการระดมทุน
อาจต้องรณรงค์ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากประชาชน แต่ในราคาที่ไม่มากนัก เพราะงบฯ รัฐบาลจัดสรรให้เกือบจะพอ แต่เมื่อมีโครงการต้องทำให้ได้ภายใน 7 ปีก็ต้องขอความช่วยเหลือจากประชาชน และขอให้สร้างมายด์เซ็ตใหม่ว่า ไทยทำได้ และไทยไม่ใช่ประเทศด้อยพัฒนาอีกแล้ว
ทั้งนี้ ประเทศจีนสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ส่งยาน "ฉางเอ๋อ 5" ไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเก็บก้อนหินบนดวงจันทร์ กลับมาศึกษาที่โลก โดยคาดว่าจะกลับถึงโลกในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ นับเป็นภารกิจกลับไปเก็บตัวอย่างบนดวงจันทร์ ครั้งแรกของโลกในรอบกว่า 40 ปี
ส่วนประเทศญี่ปุ่น ปล่อยยานอวกาศสำรวจดวงจันทร์ลำแรกของประเทศได้ เมื่อ 13 ปีก่อน ซึ่งโครงการ มีมูลค่ากว่า 55,000 ล้านเยน หรือ 16,000 ล้านบาท ขณะที่ยานสำรวจดวงจันทร์ของอินเดียที่ขึ้นสู่อวกาศเมื่อปีที่แล้ว จันทรยาน 2 กำลังปฏิบัติภารกิจ และคาดว่าจะได้เห็นแผนที่ดวงจันทร์ที่มีความละเอียดสูง เป็นความภาคภูมิใจของคนอินเดียเป็นอย่างมาก
สำหรับเกาหลีใต้ ตามโรดแมปที่ประกาศ จะส่งยานอวกาศเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นอีกประเทศที่ขอลงแข่งขันทางอวกาศในเอเชีย