วันนี้ (14 เม.ย.2563) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ป่วย COVID-19 ในไทยมีตัวเลขสะสม 2,613 คน หายป่วยกลับบ้านได้ 1,405 คน และยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,167 คน โดยผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชน 787 คน หรือ 42.3% รองลงมาโรงเรียนแพทย์ 480 คน หรือ 25.8% และกรมการแพทย์ 199 คน หรือ 10.7%
โดยพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ไม่มีอาการจะเข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลเอกชน และส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาการแล้ว จะรับเข้าการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ ในจำนวนนี้อาการหนัก 48 คน แบ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐ 37 คน และเอกชน 11 คน
ผู้ป่วยอาการหนัก 48 คน อยู่ในห้องไอซียู ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ละรายจะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลหลักล้านบาทต่อคน จึงอยากให้ทุกคนช่วยได้ การดูแลสุขภาพ เพื่อให้ไม่มีอาการหนักมากแม้ว่าสัดส่วนผู้ป่วย กับหายกลับบ้านจะดีขึ้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า การที่ไทยอยู่ในอันดับ 50 ของโลกเพราะมีผู้ป่วยน้อย แต่สิงคโปร์ แซงหน้าไทยไปอยู่ที่ 48 เนื่องจากมีผู้ป่วยเสียชีวิตวันเดียวกว่า 386 คนเกิดจากกลุ่มก้อนที่แออัดในหอพัก ดังนั้นตัวเลขอันดับของไทยที่การถอยหลังลงมาดีแล้ว จึงไม่อยากให้ลดการ์ดในการป้องกัน
เปิดตัวเลขเครื่องช่วยหายใจ-เตียงเพียงพอ
โฆษก ศบค.ตอบคำถามเรื่องการตรวจผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) สามารถเข้ามาตรวจหาเชื้อได้ง่ายขึ้น เป็นการออกโคสต์อัตโนมัติสำหรับการเบิกจ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนติงว่าดำเนินการยาก แต่ตั้งแต่ ก.พ.-3 เม.ย.ที่ผ่านมา ตรวจแล้ว 84,008 ตัวอย่าง และ 4-10 เม.ย.ตรวจ 16,490 ตัวอย่าง และมีการตรวจตัวอย่างสะสม 100,498 ตัวอย่าง ขณะนี้โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล รับภาระมากที่สุด
ยืนยันขณะนี้มีเตียงว่างรองรับสถานการณ์ ขณะที่เครื่องช่วยหายใจทั้งหมด 10,184 เครื่องว่าง พร้อมใช้งานทั่วประเทศ 2,855 เครื่อง
สำหรับกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อกักโรค 14 วันถ้าทยอยเข้ามาวันละ 200 คนไทยจะมีศักยภาพดูแลทั้งคนดูแล หมอ และพื้นที่รองรับ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศบค.ชี้กลุ่มดาวะห์จากอินโดนีเซียป่วยยกลำ 61 คน