วันนี้ (2 เม.ย.2563) รศ.นพ.ฉัตรนรินทร์ เมธีกุล ที่ปรึกษาด้าน HEALTHY CAMPUS และการจัดการศูนย์สุขภาพ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) เปิดเผยถึงการทำงานที่บ้าน Work from home อย่างเหมาะสม ในช่วง COVID-19 โดยหลักการพื้นฐานของ Work from home คือทำงาน 45 นาที พัก 15 นาที แบ่งเป็น 3 ช่วงในตอนเช้า และ 3 ช่วงในตอนบ่าย ช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพ เช่น กล้ามเนื้อ รวมถึงช่วยพักสมอง ผ่อนคลาย ไม่ให้จดจ่ออยู่กับงานนานเกินไป
ที่ผ่านมา Work from home เป็นวิธีการทำงานที่หลายองค์กรเลือกใช้ เนื่องจากเชื่อว่าบางสายงาน การทำงานจากบ้านช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์มากกว่า และทำให้รักษาสมดุลชีวิตได้ดีกว่านั่งทำงานในออฟฟิศ แต่การ Work from home ในช่วงวิกฤต COVID-19 อาจแตกต่างไปจากเดิมตรงที่หลายคนไม่เคยทำงานจากบ้านมาก่อน เมื่อได้ลอง Work from home ในช่วงแรกจะรู้สึกสดชื่น ตื่นเต้น เพราะเป็นสิ่งใหม่ ได้มีเวลาทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ
แต่ความตื่นเต้นเหล่านี้จะอยู่เพียงช่วง 20 วันแรก หลังจากนั้นหากกิจกรรมที่ทำระหว่างอยู่บ้านไม่หลากหลาย เป็นสิ่งเดิมๆ จะเข้าสู่โหมดรูทีนใหม่ เกิดความเบื่อหน่ายในที่สุด
อ่านข่าวเพิ่ม ด่วน! นายกรัฐมนตรี สั่งปิดเมืองสกัดโรค 2-15 เม.ย.นี้
ชี้อาจเกิดภาวะความเครียด-ต้องผ่อนคลาย
รศ.นพ.ฉัตรนรินทร์ กล่าวอีกว่า ในทางการแพทย์ความเครียดแต่ละคนไม่เท่ากัน ความต้องการผ่อนคลายของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน Work from home ก็จะมีความยืดหยุ่นในตัวเองมากขึ้น ถ้าเกิดไม่ทำงาน ทำงานเสร็จแล้ว ทำอะไรได้บ้าง บางคนดู Netflix บางคนติดตามข่าว
หลักการมีอยู่ข้อเดียวคือ ถ้าต้องทำอย่างนี้เป็นเวลานาน นึกถึงการติดเกาะ เห็นแต่ต้นมะพร้าว ฉลามว่ายรอบเกาะ ก็น่าเบื่อ ต้องหากิจวัตรอย่างอื่นทำบ้าง ให้มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ควรทำกิจวัตรเดิมๆติดต่อกัน 2-3 วัน
รศ.นพ.ฉัตรนรินทร์ เมธีกุล
รศ.นพ.ฉัตรนรินทร์ เมธีกุล
บางคนไม่เคยซักผ้าด้วยมือเลย ก็ลองซักด้วยมือบ้าง เมื่อก่อนจ้างคนตัดหญ้า ก็ลองตัดเอง เมื่อก่อนไม่เคยล้างรถ ก็ลองล้างรถเอง จัดบ้าน เปลี่ยนบ้านใหม่ งานบ้านต่างๆ สิ่งที่เราคิดว่าถ้าไม่เกิดภัยพิบัติ ไม่ถูกบังคับให้อยู่ในบ้าน ยังไงก็ไม่ทำ จังหวะนี้จะเป็นโอกาสที่จะได้ทำ
สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนหนึ่ง โพสต์ระบุว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลังจาก Work from home และเริ่มมีภาวะหงุดหงิดฉุนเฉียวง่ายขึ้น
นพ.ฉัตรนรินทร์ กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันถือว่ายังไม่ตึงเครียดมากนัก เนื่องจากยังสามารถไปซื้อกับข้าวที่ตลาด หรือซื้ออาหารกลับมารับประทานที่บ้านได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือ Social Distancing ซึ่งไม่ได้หมายความว่าอยู่ห่างๆ กัน 1-2 เมตรอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการคุยกันให้น้อยลง เจอกันให้น้อยลง เรียนรู้การอยู่กับตัวเองให้มากขึ้น หัวใจสำคัญที่เราทุกคนจะช่วยให้ผ่านสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปได้คือ ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ผู้อื่น และสังคม
เนื่องจากร้อยละ 80 ของผู้ที่มีเชื้อ COVID-19 ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงไข้หวัดธรรมดา สามารถกินยา พักอยู่บ้านก็หายได้ การติดตามข่าวสารจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากเคยไปในพื้นที่เสี่ยง ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่แม้จะไม่มีอาการป่วย เพราะอาจกลายเป็นผู้แพร่เชื้อในที่สุด ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนควรทำตอนนี้คือ ใช้ชีวิตแบบมี Social Distancing คือ มีระยะห่างระหว่างกัน แต่ไม่ใช่ผมกลัวคุณ คุณกลัวผม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำรวจตัวเองช่วง Work From Home คุณกำลังเครียดอยู่หรือไม่ ?
ไวรัสโคโรนาปลุกกระแสทำงานที่บ้าน
เช็กระดับเครียดมาก - เครียดน้อย "เสี่ยงโรค COVID-19"