วันนี้ (29 มี.ค. 2563) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า กำลังพิจารณามาตรการกักบริเวณในรัฐนิวยอร์ก รวมทั้งบางพื้นที่ของรัฐนิวเจอร์ซีย์ และรัฐคอนเนตทิคัต ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อชะลอการระบาดของ COVID-19 ความเคลื่อนไหวของผู้นำสหรัฐอเมริกาครั้งนี้เกิดขึ้น หลังยอดผู้ติดเชื้อในรัฐนิวยอร์กสูงถึง 52,318 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศกว่า 120,000 คน จนกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของประเทศ
ขณะที่แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ตอบโต้ว่า รัฐนิวยอร์กได้ประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานและเลี่ยงการรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังแสดงจุดยืนต่อต้านแนวคิดการใช้มาตรการปิดเมืองและจำกัดการเดินทาง เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สเปนยกระดับมาตรการสกัดไวรัส
ด้านเปโดร ซานเชส นายกรัฐมนตรีสเปน ประกาศให้ลูกจ้างของหน่วยงานที่ไม่จำเป็นเก็บตัวอยู่ภายในบ้าน ตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 9 เม.ย.นี้ หลังยอดผู้ติดเชื้อสะสมสูง 72,248 คน และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5,690 คน ซึ่งสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากอิตาลี
รพ.ในฝรั่งเศส ขาดแคลนเตียงผู้ป่วยหนัก
ขณะที่ เอดัวร์ ฟีลิป นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เตือนว่า 2 สัปดาห์แรกของเดือน เม.ย. จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ในการต่อสู้กับ COVID-19 หลังจากยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้โรงพยาบาลหลายแห่งเริ่มขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์และเตียงสำหรับผู้ป่วยหนัก
ขณะที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทหารต้องใช้เฮลิคอปเตอร์และรถไฟลำเลียงผู้ป่วยบางส่วนในจุดที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ไปพักรักษาตัวในพื้นที่อื่น
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศส เปิดเผยว่า รัฐบาลฝรั่งเศสได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัยกว่า 1,000 ล้านชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากจีน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทั่วโลกติดเชื้อ COVID-19 เฉียด 6 แสนคน
ผู้นำจีน ย้ำพร้อมช่วยสหรัฐฯ ควบคุม COVID-19
สหรัฐฯ เผยผลวิจัย 1.8 ล้านคนทั่วโลก อาจเสียชีวิตจาก COVID-19