วันนี้ (3 ก.ค.62) นายสุมิตร ศรีสันติธรรม ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการบีทีเอส เปิดเผยว่า สำหรับเหตุผู้โดยสารดึงคันโยกฉุกเฉิน (Passenger Emergency Release หรือ PER) เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทุกครั้งที่ดึงคันโยกฉุกเฉินจะกระทบต่อการเดินรถ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ควบคุมรถจะต้องใช้เวลาในการรีเซ็ตขบวนรถทุกครั้ง ขบวนที่ตามหลังมาก็ต้องจอดคอยต่อ ๆ กันไปเพื่อรักษาระยะห่างให้ปลอดภัย จึงเกิดความล่าช้าสะสมและกระทบผู้โดยสารคนอื่น ๆ จึงขอความร่วมมือผู้โดยสารไม่ดึงคันโยกฉุกเฉิน ส่วนบทลงโทษกรณีที่มีการดึงคันโยกฉุกเฉินจะพิจารณาตามขึ้นผลกระทบที่มีต่อการเดินรถ
สำหรับคันโยกฉุกเฉินมีไว้ใช้เปิดประตูขบวนรถ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในขณะที่รถจอดสนิท ติดตั้งบริเวณด้านข้างประตูทุกประตูและทุกขบวนรถ พร้อมติดสติ้กเกอร์ที่มีคำแนะนำการใช้งานคาดไว้ทุกชิ้นโดยการใช้งานคันโยกฉุกเฉิน เช่น ขบวนรถไฟฟ้าจอดสนิทที่สถานีแต่พบผู้โดยสารขาตกในช่องว่างระหว่างชานชาลา ก็สามารถดึงคันโยกฉุกเฉินเพื่อไม่ให้รถเคลื่อนที่ได้
ขณะที่การดึงคันโยกฉุกเฉินส่วนใหญ่พบว่ามาจากกรณีที่มีคนเป็นลมในขบวนรถ และมีผู้โดยสารดึงคันโยกฉุกเฉินซึ่งหากพบว่ามีผู้เป็นลม หรือป่วย หรือต้องการความช่วยเหลือขณะที่อยู่ในขบวนรถ สามารถกดปุ่มกระดิ่งที่อยู่บริเวณเดียวกับคันโยกฉุกเฉินซึ่งมีอยู่ทุกตู้โดยสาร หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ระบบการเดินรถของบีทีเอส ยึดหลักว่า หากตรวจพบความผิดปกติใดก็ตามในการเดินรถ ไม่ว่าจะเป็นขบวนรถ ระบบอาณัติสัญญาณ หรือราง คอมพิวเตอร์ควบคุมการเดินรถจะสั่งให้ขบวนรถหยุดไว้ก่อนเสมอ