วันนี้ (1 พ.ค.2562) นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากกรณี “มูลนิธิมงคล-จงกล ธูปกระจ่าง คลินิกการแพทย์แผนไทย” ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประกาศปิดให้บริการในวันนี้นั้น อาจมีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเพราะกระบวนการตรวจสอบสถานพยาบาล หรือด้วยเหตุใดก็ตาม ดังนั้นเพื่อให้ทุกฝ่ายได้ทราบข้อเท็จจริง ตนจึงขอชี้แจงให้ทุกฝ่ายได้ทราบถึงกระบวนการตรวจสอบมาตรฐานสถานพยาบาลของ สบส. ว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายในทุกขั้นตอน เมื่อ สบส.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนให้ตรวจสอบมาตรฐานการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ที่มีการใช้เข็มเจาะระบายของเหลวออกจากบริเวณเข่าของผู้ป่วยเพื่อรักษาโรคเกาต์ พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยแจ้งข้อมูลเรื่องร้องเรียนให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี (สสจ.ปทุมธานี) ดำเนินการ ซึ่งทาง สสจ.ปทุมธานี ประสานขอความร่วมมือให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากกรมฯ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานพยาบาลดังกล่าว
จากการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมฯ และ สสจ.ปทุมธานี ไม่พบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 แต่เพื่อคลายข้อสงสัยแก่ผู้ร้องเรียน รวมทั้งเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย กรมฯ ได้ส่งหนังสือถึงสภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาการให้บริการหัตถการ 2 ประเภท ของ “มูลนิธิมงคล-จงกล ธูปกระจ่าง คลินิกการแพทย์แผนไทย” คือ การใช้เข็มเจาะระบายน้ำไขข้อเพื่อรักษาโรคเกาต์ ส่งเรื่องให้แพทยสภาพิจารณา และการรักษาด้วยการครอบกระบอกไม้ไผ่ ส่งเรื่องให้สภาการแพทย์แผนไทยพิจารณาว่าหัตถการทั้ง 2 ประเภท เป็นไปตามที่กฎหมายวิชาชีพกำหนด และแพทย์พื้นบ้านสามารถให้บริการได้หรือไม่ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาจาก 2 สภาวิชาชีพ ซึ่งกรมฯ ยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณา และในระหว่างนี้ไม่ได้มีคำสั่งให้หยุดการประกอบกิจการสถานพยาบาลแต่อย่างใด
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่กล่าวอ้างว่า สบส.จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน หรือส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ “มูลนิธิมงคล-จงกล ธูปกระจ่าง คลินิกการแพทย์แผนไทย” อีกครั้ง ยืนยันว่าเมื่อผลการตรวจสอบมูลนิธิฯ ในเดือนมกราคม 2562 ไม่พบการกระทำผิดกฎหมายสถานพยาบาล หรือการร้องเรียนจากประชาชนเพิ่มเติม ก็ไม่มีมูลเหตุให้ต้องมีคำสั่งปิด หรือตั้งคณะกรรมการสอบสวน หรือส่งพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจคลินิกฯ ซ้ำแต่อย่างใด ขอให้ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลวางใจได้ว่ากรมฯ พร้อมให้ความเป็นธรรม และสนับสนุนการดำเนินงานของสถานพยาบาลที่กระทำถูกกฎหมาย