วันนี้ (4 ธ.ค.2561) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีข่าวที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พยายามยื่นข้อต่อรองให้พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแลกกับตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญว่า ขณะนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาต่อรองกัน เพราะพรรคพลังประชารัฐประกาศชัดเจนว่าจะได้ ส.ส.ถึง 350 ที่นั่งอยู่แล้ว อีกทั้งถ้ารัฐบาลยังคงบริหารให้ประชาชนเดือดร้อนอยู่แบบนี้ ก็ไม่มีทางที่จะร่วมทำงานกันได้ โดยพรรคประชาธิปัตย์ขอวางตัวเป็น 1 ใน 3 ขั้ว ที่จะให้ประชาชนตัดสินใจดีกว่า และหาก พล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับเป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ถือว่ามีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้ง จึงควรแสดงท่าทีให้ชัดเจน และต้องทำให้เห็นว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นโดยสุจริตและเที่ยงธรรมมากที่สุด
ขณะเดียวกัน ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เล่นแง่ทางการเมือง แต่พรรคขอยืนหยัดในหลักธรรมาภิบาลที่ต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม เพราะขณะนี้ กกต.มีปัญหาความอิสระที่ถูกตั้งคำถาม ทั้งการที่ คสช.ใช้อำนาจปลดกรรมการ กกต. รวมถึงการใช้อำนาจรองรับการแบ่งเขตเลือกตั้ง
ปชป.ส่อไม่ร่วมหารือ 7 ธ.ค.
นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้อ่านหนังสือเชิญของ กกต.แล้ว พบว่าเป็นเพียงแค่ให้พรรคการเมืองไปรับทราบแผนและขั้นตอนการดำเนินการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ข้อ 8 ที่ระบุชัดให้เชิญหรือไม่เชิญพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง เพื่อร่วมจัดทำแผนและขั้นตอนการดำเนินการทางการเมือง พร้อมกับระบุว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีหลายสถานะ ทั้งหัวหน้า คสช. นายกรัฐมนตรี และว่าที่ผู้ที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ จึงขอตั้งคำถามว่าจากหลายสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเหมาะสมเป็นประธานการประชุมในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ หรือไม่ หากตัดสินใจไม่นั่งเป็นประธานพรรคจะพิจารณาอีกครั้ง เพราะเห็นว่าการจัดเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของ กกต.ไม่ใช่หน้าที่ของ คสช. และ คสช.ต้องถอยห่างให้มากที่สุด การที่พรรคถูกเชิญไปครั้งนี้เหมือนเป็นไม้ประดับ เพราะแผนและขั้นตอนการเลือกตั้งทำเสร็จแล้ว ส่วนการที่พรรคจะเข้าร่วมหรือไม่ร่วม ไม่ได้เป็นการตีรวน