วันนี้ (15 ต.ค.2560) การซ้อมย่อยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ในวันนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงร่วมซักซ้อมริ้วขบวน ท่ามกลางประชาชนที่เฝ้ารอติดตามชมอย่างใกล้ชิด
การซ้อมในวันนี้เริ่มต้นในเวลาประมาณ 08.00 น. เริ่มริ้วขบวนที่1เป็นการอัญเชิญพระโกศทองใหญ่จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังโดยพระยานมาศสามลำคาน ซึ่งมีพลแบกหาม 60 นาย จากกรมขนส่งทหารบก อัญเชิญพระโกศทองใหญ่ ออกทางประตูเทวาภิรมย์ ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี ทรงร่วมซักซ้อมเสด็จพระราชดำเนินในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศด้วย
จากนั้นริ้วขบวนยาตราไปตามถนนมหาราชเข้าสู่ถนนท้ายวัง จนถึงหน้าบริเวณวัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม รวมระยะทาง 817 เมตร เพื่ออัญเชิญพระโกศทองใหญ่ ขึ้นประดิษฐานบนพระมหาพิชัยราชรถ เข้าสู่ริ้วขบวนพระบรมราช อิสริยยศ ที่ 2
ริ้วขบวนที่ 2 ตรงจุดนี้มีกำลังพลเกรินบันไดนาคจะอัญเชิญพระโกศทองใหญ่เทียบเกรินบันไดนาค ขึ้นสู่บุษบกพระมหาพิชัยราชรถ เมื่อพระโกศทองใหญ่ประดิษฐานบนพระมหาพิชัยราชรถซึ่งมีพลฉุดชัก 216 นาย จากกรมสรรพาวุธทหารบกจะยาตราขบวน โดยมีราชรถพระนำ สำหรับสมเด็จพระสังฆราชทรงสวดพระอภิธรรมนำหน้าพระมหาพิชัยราชรถ
สำหรับราชรถพระนำองค์นี้ ได้อัญเชิญออกในริ้วขบวนครั้งล่าสุด คือ เมื่อครั้งพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 เมื่อปี พ.ศ.2528 จากนั้นริ้วขบวนที่ 2 จะผ่านเส้นทางถนนสนามไชย เข้าสู่ถนนราชดำเนินในเข้าถนนเส้นกลางท้องสนามหลวงเพื่อเข้าสู่มณฑลพระราชพิธี รวมระยะทาง 890 เมตร
ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินตามพระมหาพิชัยราชรถด้วยและจุดสำคัญของการยาตราริ้วขบวนนี้ คือ ช่วงการเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้ามณฑลพระราชพิธีท้องสนามหลวง เนื่องด้วยน้ำหนักของราชรถกว่า 13 ตัน เมื่อเลี้ยวเชือกทุกเส้นจะตึงเพื่อดึงราชรถ โดยเชือกจะตึงและดีดทำให้กำลังพลที่อยู่บริเวณท้ายเชือกต้องใช้กำลังมากขึ้น ซึ่งพระมหาพิชัยราชรถจะเลี้ยวซ้ายเพียงครั้งเดียว
ริ้วขบวนที่ 3 จากนั้นพระมหาพิชัยราชรถหยุดบริเวณทางเข้าพระเมรุมาศด้านทิศเหนือ ลำดับต่อไป เป็นการอัญเชิญพระโกศทองใหญ่จากพระมหาพิชัยราชรถ ประดิษฐานบนราชรถปืนใหญ่ ซึ่งพระราชพิธีครั้งนี้ ใช้ราชรถปืนใหญ่แทนพระยานมาศสามลำคาน เชิญพระโกศพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงรับราชการทหารเมื่อครั้งทรงดำรงพระชนม์ชีพ มีกำลังพลฉุดชัก 40 นาย จากหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์
จากนั้น ตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ราชรถปืนใหญ่เคลื่อนเข้าสู่ราชวัติ โดยเวียนอุตราวัฎ หรือเวียนซ้าย 3 รอบ พระเมรุมาศ ระยะทางรอบละ 260 เมตร จากนั้นเทียบราชรถปืนใหญ่ที่เกรินบันไดนาคพระเมรุมาศ เชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐาน ณ พระจิตกาธาน
ขณะที่ประชาชนที่เดินทางมามีทั้งเด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งเด็กนักเรียนหลายคนเดินทางมาเป็นกลุ่ม รวมถึงเดินทางมากับพ่อแม่ผู้ปกครอง เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียน จึงนัดรวมตัวกันเพื่อมาชมริ้วขบวน
ขณะที่ทีมแพทย์จากกรมทหารบกโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมดูแลปฐมพยาบาล มั้งผู้ป่วย ในริ้วขบวน และผู้ป่วย ที่เป็นประชาชนทั่วไป โดยเตรียมรถเข็นพร้อมเคลื่อนที่อย่างอุปกรณ์กู้ชีพ โดยเจ้าหน้าที่ยังเตรียมชุดเคลื่อนที่สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแต่ละจุดจะห่างกัน 20-30 เมตร