วันนี้ (30 ก.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์น้ำที่ทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจชั้นใน จ.สกลนคร สูงกว่า 2 เมตร โดยผู้ประกอบการร้านขายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารายหนึ่งบอกกับทีมข่าวไทยพีบีเอสว่า สินค้าและทรัพย์สินภายในร้านได้รับความเสียหายอย่างมาก เนื่องจากตอนที่น้ำมาไม่สามารถขนย้ายข้าวของขึ้นสู่ที่สูงได้ทัน ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้
จากการสำรวจร้านค้าแห่งนี้ พบว่าเมื่อ 2 วันที่แล้ว ระดับน้ำท่วมพื้นที่ร้านสูงถึงระดับคอ และไม่สามารถเดินเข้าไปในร้านค้าได้ เมื่อเข้าไปในร้านค้าพบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งมีระดับราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นล้มเกลื่อนพื้นร้านค้า ซึ่งภายในร้านค้ามีโกดังสินค้า แต่สินค้าที่นำมาสต๊อกไว้ก็ถูกน้ำท่วมทั้งหมดเช่นกัน
ขณะที่เจ้าของร้านค้านำทีมข่าวไทยพีบีเอสเดินสำรวจทั่วร้าน พบว่าน้ำที่มาแรง ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้านับพันชิ้นเสียไม่ต่างจากภูเขาขยะที่ไม่สามารถประเมินราคาความเสียหายได้ หรือเรียกง่ายๆ ว่าหมดเนื้อหมดตัวไปเลย
"ของที่อยู่ในร้านถูกน้ำท่วมหมดเลยทุกอย่างลอยไปหมด ไม่สามารถทำอะไรได้ ยังประเมินไม่ถูกว่าเสียหายเท่าไหร่ สินค้าหรือทรัพย์สินเราที่สร้างมา 30 ปีไม่เหลืออะไร หมดเลย เสียดาย ตอนนี้กลายเป็นเศษเหล็กหมดเลย ไม่รู้จะช่วยเหลือยังไง ทำอะไรไม่ถูกเลย ตอนนั้นน้ำมาเร็วมา เราเก็บของได้ประมาณ 3 ชั่วโมงเก็บจนไม่ไหว ก็ต้องปล่อยไป" เจ้าของร้านอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าบอกกับทีมข่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
อย่างไรก็ตาม ร้านค้าจำนวนมากในละแวกใกล้เคียงมีสภาพไม่แตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้น แต่ส่วนใหญ่ขนของหนีน้ำท่วมไม่ทัน เช่น ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกแห่งที่นำทีมข่าวไทยพีบีเอสไปสำรวจโกดังสินค้าด้านในร้านเหมือนกัน
เจ้าของร้านระบุว่า ไม่กล้าประเมินความเสียหาย และไม่รู้น้ำจะมาอีกไหม จึงยังไม่ได้เช็คสภาพสินค้าในร้านภาพบรรยากาศที่ถ่ายทำที่เห็นมืดๆ แบบนี้ เพราะว่าในเมืองบางจุดยังถูกตัดกระแสไฟฟ้าเป็นวันที่ 3 แล้ว ที่ชาวเมืองสกลนครไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้
ทั้งนี้ แม้ว่าขณะนี้ จ.สกลนคร จะยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ว่าน้ำที่ทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจชั้นในที่ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร เสียหายไปเท่าไหร่ แต่จากการสำรวจของทีมข่าวไทยพีบีเอส พบว่าหลายร้านสะท้อนเป็นเสียงเดียวกันว่าสิ้นเนื้อประดาตัว และวันนี้เป็นวันแรกที่น้ำในเขตเทศบาลเมืองลดมากกว่าทุกวัน จึงทำให้หลายคนยังตั้งหลักไม่ทันว่าจะจัดการกับสินค้าที่เสียหายอย่างไรต่อไป