วันนี้ (28 ก.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้รายงานสถานการณ์น้ำเมื่อเวลา 10.00 น. หลังจากน้ำจากแม่น้ำยมที่ล้นตลิ่ง และทะลุกำแพงพนังกั้นน้ำตั้งแต่เวลา 17.30 น.ของวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี พบโพรงน้ำทะลุจำนวน 5 โพรง ขณะนี้เหลืออีก 1 โพรง ความกว้างประมาณ 1-2 เมตร มีมวลน้ำไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 27ก.ค.ทำให้เกิดน้ำท่วม มีบ้านเรือนประสบอุทกภัยจำนวน 200 ครัวเรือน
ขณะนี้จังหวัดสุโขทัย ร่วมกับเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี กำลังพลจากสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสุโขทัย ตำรวจ ตชด.นักศึกษาจากสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตสุโขทัย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดสุโขทัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการอุดรอยรั่วในโพรงน้ำและจะทำการสูบน้ำออกจากจุดที่ประสบปัญหาอุทกภัยให้เร็วที่สุดขณะนี้ปริมาณน้ำที่บริเวณเขตเทศบาลเมืองสุโขทัย วัดได้ 7.37 เมตร ความเร็วของน้ำ 549 ลบ.ม.ต่อวินาที คาดว่าน้ำจะทรงตัวในอีก 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำที่ไหลมาจากจ.แพร่
ขณะที่ปลัดจังหวัดสุโขทัย ได้ลงพื้นที่ร่วมกับนายปิติ แก้วสลับสี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยตั้งแต่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
กรมชลประทาน ตัดยอดน้ำเลี่ยงเมืองสุโขทัย
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรณีน้ำท่วมชุมชนในเขตเมืองสุโขทัย ไม่ใช่พนังกั้นน้ำแตก และไม่พัง แต่เป็นน้ำที่ผุดลอดใต้แนวกำแพงเข้ามา ซึ่งตั้งแต่เย็นวานนี้ สำรวจพบ 5 จุด ที่หนักสุดคือบริเวณวัดไทยชุมพล เป็นจุดเดิมที่เคยมีปัญหาน้ำพนังกั้นน้ำแตก ส่วนจุดที่ 2 ทางด้านเหนือ 200 เมตรแนวกำแพงเก่า และตอนนี้สามารถควบคุมน้ำผุด โดยปิดล้อมและใช้เครื่องสูบน้ำลงแม่น้ำยมและจากการติดตามยังควบคุมได้อยู่
นายทองเปลว บอกว่า ขณะนี้บริหารเพื่อตัดยอดน้ำยม ที่ไหลลงมาจาก จ.แพร่ ก่อนเข้าเมืองสุโขทัย ได้ควบคุมอัตราไม่ให้เกิน 550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และตัดน้ำออกทุ่งทะเลหลวง และประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ โดยจะมีคลองธรรมชาติช่วยตัดยอดน้ำไปได้อีก 110 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำที่ระบายลงมาเป็นฝนที่ตกระหว่างจุดต่อระหว่างพายุตาลัส กับพายุเซินกา และอาจต้องดูว่าใน 1-2 วันนี้จะมีฝนจากพายุเติมน้ำในพื้นที่จ.แพร่ และสุโขทัยหรือไม่ แต่กรมชลประทาน ได้ควบคุมปริมาณน้ำ และตัดยอดน้ำไม่ให้เข้าผ่านตัวเมืองสุโขทัยเพื่อลดผลกระทบกับชุมชน
