วันนี้ (12 ส.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันเหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้ ใน 7 จังหวัด ช่วงระหว่างวันที่ 7-12 ส.ค. มีผู้เสียชีวิตจำนวน 4 คน บาดเจ็บ 32 คน มีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุในทุกพื้นที่ เพื่อนำมาหาความเชื่อมโยง
สำหรับพื้นที่เกิดเหตุทั้ง 7 จังหวัด ถือเป็นพื้นที่ที่ลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ จึงวิเคราะห์ได้ว่า อาจมีกลุ่มที่เห็นต่าง หวังผลทางการเมือง เพราะต้องการลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และยืนยันว่า ยังไม่มีการจับตัวผู้ต้องสงสัย และยังไม่สามารถเชื่อมโยงกลุ่มเกิดเหตุทั้ง 7 จังหวัดว่าเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ แต่จากประสบการณ์ที่ทำงานด้านความมั่นคงมาตลอด มั่นใจว่า น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และจากหลักฐานระเบิดที่พบ ก็มีความคล้ายคลึงกับการก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
พร้อมสั่งกำชับ เฝ้าระวังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ตำรวจภูธรภาคต่างๆ ที่ยังไม่เกิดเหตุ สืบสวนหาข่าวอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ เพราะกรุงเทพมหานคร ถือเป็นพื้นที่ชั้นในที่มีความสำคัญมากที่สุด
นอกจากนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์มั่นใจว่า จะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุระเบิดมาดำเนินคดีได้ ตนมองว่า อาจมีกลุ่มเห็นต่างบางกลุ่มต้องการดิสเครดิตหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพราะหลายจุดเป็นแหล่งท่องเที่ยว
เหตุระเบิดมี 2 ชนิด คือ หวังเอาชีวิตกับทำให้เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งพบทั้ง 2 ชนิดในที่เกิดเหตุ โดยระเบิดมีความคล้ายกับที่เกิดเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เบื้องต้นมีการสอบปากคำหลายรายแล้ว ขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยอย่าง อยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพผู้ต้องสงสัย กลุ่มผู้ก่อเหตุได้รับผลทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว โดยกำชับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ไม่ให้เกิดเหตุในกรุงเทพฯ
“ต่างชาติไม่น่าเกี่ยวข้อง ผมคิดว่าเป็นเรื่องภายในประเทศ คนที่จ้องจะก่อเหตุเมื่อพบว่ามีโอกาสที่จะหลบหนีได้ เป็นคนไทยหรือเปล่า โกรธแค้นให้อะไรก็มาทำตัวต่อตัว อย่าเอาประชาชนเป็นตัวประกัน เด็ก แม่ค้า เขาไม่รู้เรื่องด้วย แต่ต้องมารับผล” ผบ.ตร.กล่าว