วันนี้ (18 ม.ค.2568) สำนักข่าว CNN รายงานว่า กฎหมายที่กำหนดให้ติ๊กต็อกต้องหาผู้ซื้อที่ไม่ใช่ชาวจีน หรือจะต้องเผชิญกับการแบน มีกำหนดบังคับใช้ในวันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค.2568 นี้ และตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าบริษัทจะสามารถขายตัวเองได้ก่อนถึงกำหนด
นั่นหมายความว่า 170 ล้านคนในอเมริกาที่ใช้ติ๊กต็อกเพื่อความบันเทิง ข่าวสาร หรือแม้กระทั่งทำธุรกิจ อาจจะไม่ได้เข้าถึงแพลตฟอร์มนี้ได้อีก หลังจากที่ติ๊กต็อกกลายเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่สามารถแข่งขันกับสื่อสังคมยอดนิยมของอเมริกาทั้ง Instagram และ YouTube
ศาลสูงสุดของสหรัฐได้ยืนยันกฎหมายในวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 ม.ค.) ทำให้การถูกแบนใกล้เข้ามามากขึ้น และบริษัทเองกล่าวว่า หากไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาลไบเดน ติ๊กต็อกจะถูกปิดตัวลงในวันอาทิตย์
แม้ว่าตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึง 2 วัน แต่ยังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง
แอปพลิเคชันจะหายไปไหม ?
ติ๊กต็อกได้ออกมาเพิ่มความกดดันโดยกล่าวว่าจะหยุดให้บริการในวันอาทิตย์นี้ หากไม่ได้รับ "ความชัดเจนและความมั่นใจ" ที่มากพอ คำแถลงที่ออกมาจากทำเนียบขาวและกระทรวงยุติธรรม ไม่สามารถให้ความชัดเจนและความมั่นใจ ที่จำเป็นต่อผู้ให้บริการที่จะรักษาการเข้าถึงติ๊กต็อกของชาวอเมริกันได้ บริษัทกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าแอปจะถูกลบออกจาก App Store และ Google Play ตั้งแต่วันอาทิตย์เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้ติดตั้งแอปไม่สามารถดาวน์โหลดได้ แต่ผู้ใช้ที่ติดตั้งแอปแล้วยังสามารถใช้งานต่อไปได้จนกว่าแอปจะเริ่มมีปัญหาหรือหยุดทำงาน
ทำไมติ๊กต็อกถึงถูกแบน?
ข้อกล่าวหาหลักที่มุ่งเป้าไปที่บริษัทแม่ของติ๊กต็อก อาจเป็นภัยคุกคามทางความมั่นคงแห่งชาติ โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กังวลว่ารัฐบาลจีนอาจบังคับให้ติ๊กต็อกหรือบริษัท ByteDance ส่งมอบข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ชาวอเมริกัน แม้ว่ายังไม่มีหลักฐานว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยได้กล่าวว่า กฎหมายความมั่นคงของจีนอาจทำให้เกิดความเสี่ยงนี้ได้
กฎหมายที่จะทำให้ติ๊กต็อกถูกแบน ได้รับการสนับสนุนจากทั้ง 2 ฝ่ายของสภาคองเกรส โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติ 360-58 เพื่ออนุมัติการแบน และการออกกฎหมายได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วในวุฒิสภา
หากติ๊กต็อกถูกแบนแล้วจริง ๆ ต่อมามีบริษัทที่ไม่ใช่สัญชาติจีนเข้าซื้อกิจการติ๊กต็อก นั่นอาจทำให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ สามารถเข้าถึงแอปนี้ได้อีกครั้ง Frank McCourt นักธุรกิจพันล้านและนักลงทุนจาก Shark Tank, Kevin O'Leary ได้ยื่นข้อเสนอซื้อติ๊กต็อกจาก ByteDance ในเดือน ม.ค. ซึ่งมูลค่าของติ๊กต็อกโดยที่ถูกตั้งราคาไว้แบบที่ไม่ขายอัลกอริธึมไปด้วยนั้น มีมูลค่าประมาณ 4-5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามการประเมินของนักวิเคราะห์ Dan Ives จาก Wedbush Securities
แต่หากต้องประเมินมูลค่าทั้งหมดของติ๊กต็อก ที่รวมระบบ AI ด้วยนั้น ถือเป็นเรื่องยาก เนื่องจากอัลกอริธึมอาจเป็นส่วนที่มีมูลค่ามากที่สุดของติ๊กต็อกเลยก็ว่าได้
ติ๊กต็อกเกอร์หลายคนเริ่มกล่าวอำลา
ผู้สร้างเนื้อหาในติ๊กต็อกหลายคนเริ่มกล่าวคำอำลาและพูดถึงแผนการในอนาคตของพวกเขา เจ้าของช่อง Neiltheceo กล่าวว่า ติ๊กต็อกจะถูกแบนจากสหรัฐฯ ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ ฉันจะไม่ไปที่ Instagram เพราะไม่ชอบ, ฉันอาจจะไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นอีกต่อไปแล้ว
เจ้าของบัญชีติ๊กต็อกหลายคนกล่าวคำอำลาแล้แสดงความกังวลว่า การแบนติ๊กต็อกอาจทำให้พวกเขาขาดรายได้ Britton Copeland ได้โพสต์วิดีโอที่เสนอแนวคิดในการบอยคอตสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหมด เพื่อตอบสนองต่อการแบนติ๊กต็อก
Mrs. Space Cadet ที่มีผู้ติดตามเกือบ 1 ล้านคนกล่าวว่า ติ๊กต็อกเป็นผู้เริ่มต้นอาชีพที่ฉันมีตอนนี้ ในช่องคอมเมนต์เธอกล่าวว่าเธอใช้ Instagram และเริ่มโพสต์วิดีโอบน YouTube พร้อมตัดระบุว่าฉันรู้ว่ามันไม่เหมือนเดิม แต่เธอเหลือทางเลือกเท่านี้
Duke Depp ผู้มีผู้ติดตามเกือบ 20 ล้านคนจากการแต่งตัวเป็น Willy Wonka ได้โพสต์การเดินทางผ่านความทรงจำด้วยการรีโพสต์โมเมนต์ไวรัล เขากระตุ้นให้ผู้ใช้สมัครสมาชิกช่อง YouTube และ Snapchat ของเขา
ขณะที่ผู้ใช้อีกหลายคนมองหาทางเลือกใหม่ในการแชร์วิดีโอสั้น ๆ นอกจาก Instagram-Reels และ YouTube-Shorts ก็ยังมีไม่มาก Lemon8 แอปฯ แชร์ภาพและวิดีโอที่เป็นเจ้าของโดย ByteDance ก็ได้รับความนิยมในช่วงที่มีการคุกคามการแบนติ๊กต็อกก่อนหน้านี้ แต่แอปฯ นี้อาจถูกแบนภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ เช่นกัน
"ทรัมป์" จะตัดสินใจเอง
ทรัมป์กล่าวกับ CNN ว่าเขาจะเป็นคนตัดสินใจเอง เมื่อถูกถามว่าเขาจะพยายามยกเลิกการแบนที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ทรัมป์ยังยืนยันว่าเขาได้พูดคุยกับ ปธน.สีจิ้นผิงแห่งจีน โดยกล่าวว่ามีการพูดคุยเกี่ยวกับติ๊กต็อกและหัวข้ออื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ฝ่ายบริหารของไบเดน ซึ่งจะหมดวาระภายใน 72 ชั่วโมงข้างหน้า กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ทรัมป์จะต้องรับหน้าที่ในการจัดการกับการแบน
โฆษกทำเนียบขาว คาริน ฌอง-ปิแอร์ กล่าวว่าในแถลงการณ์ว่า ตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน เกี่ยวกับติ๊กต็อกนั้นชัดเจนมาเป็นเดือนแล้ว รวมถึงตั้งแต่ที่สภาคองเกรสส่งร่างกฎหมายที่ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากทั้ง 2 พรรคไปให้ประธานาธิบดี ติ๊กต็อกควรยังคงเปิดให้บริการแก่ชาวอเมริกัน แต่ต้องเป็นภายใต้การควบคุมของเจ้าของอเมริกันหรือเจ้าของอื่น ๆ ที่สามารถแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงแห่งชาติที่สภาคองเกรสได้ระบุในกฎหมายนี้
"เนื่องจากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเวลาที่จำกัด ทางรัฐบาลนี้จึงยอมรับว่า การดำเนินการตามกฎหมายนี้ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารของประธานาธิบดีคนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์" เธอกล่าวเสริม
บริษัทและผู้สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับติ๊กต็อกในสหรัฐฯ กำลังขอการรับรองว่า กฎหมายแบนนี้จะไม่บังคับใช้ในทันที เนื่องจากการแบนจะมีบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับบริษัทที่ยังคงเผยแพร่หรืออัปเดตแอปฯ ติ๊กต็อก ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าจะไม่ดำเนินการฟ้องร้องในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งตรงกับวันหยุดมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
CEO ของติ๊กต็อกได้กล่าวว่า บริษัทจะทำทุกอย่างในอำนาจของตนเพื่อให้แอปฯ ยังคงเปิดให้บริการต่อไป และจะมีข้อมูลเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังได้พูดถึงการพยายามช่วยติ๊กต็อก โดยได้พบกับ CEO ของติ๊กต็อกในงานสาบานตนของเขา ซึ่งอาจแสดงถึงความตั้งใจจริงในการพยายามรักษาแอปฯ นี้ไว้
อ่านข่าวอื่น :
TikTok จ่อปิดบริการในสหรัฐฯ 19 ม.ค. "ทรัมป์" หาทางสกัดแบน
"คลั่ง" จนคุกคาม เปิดพฤติกรรม "ซาแซง" ตัวการทำร้ายศิลปิน
กองทัพบกรับตรวจสอบปม "แสตมป์-ภรรยา" ระบุถูกนายพลข่มขู่