วันนี้ (11 ม.ค. 2568) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ "TSMC" บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่สัญชาติไต้หวัน เปิดเผยรายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 ทำกำไรไปมากกว่า 867,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 909,000 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตกว่าร้อยละ 38.8 ต่อปี ทุบสถิติโกยรายได้มากที่สุด นับตั้งแต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 1994
อ่านข่าว: "เซมิคอนดักเตอร์" ต่อยอดเศรษฐกิจ โอกาสทองไทย "ต้องไขว่คว้า"
เบรดี้ หวัง (Brady Wang) นักวิจัยประจำ Counterpoint ชี้ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ผลประกอบการของ TSMC เติบโตมากเพียงนี้ เกิดจากความต้องการของตลาด AI ที่เพิ่มมากขึ้น สวนทางกับวิกฤตเศรษฐกิจ หรือภูมิรัฐศาสตร์ และยังมีความได้เปรียบทางด้านอัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization) เพราะสามารถผลิตชิปที่มีขนาด 3-5 นาโนเมตร ซึ่งเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้แบบไร้ที่ติ
"การ์ดจอ (Graphics Processing Units: GPUs) โดยเฉพาะที่ผลิตโดย Nvidia หรือชิปประมวลผล AI ที่ผลิตจากเจ้าตลาดอื่น ๆ ล้วนต้องพึ่งพาชิปที่ผลิตมาจาก TSMC ทั้งสิ้น" หวัง กล่าว
นอกจากนี้ในปี 2024 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของหุ้น TSMC ในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน เรียกได้ว่ามากที่สุดตั้งแต่จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน อยู่ที่อัตราร้อยละ 88
TSMC เป็นหุ้นส่วนที่ผลิตชิปให้กับผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ เช่น Apple, NVIDIA, Google, รวมถึง Microsoft มายาวนาน กำไรที่ออกมาดีเกินคาด เป็นสัญญาณว่า การเติบโตของวงการ AI ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่องในปี 2025
ไม่นานมานี้ Microsoft ประกาศว่าบริษัทมีแผนจะใช้เงิน 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่รองรับงานด้านการประมวลผล AI ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การยกระดับศูนย์ข้อมูลของเจ้าตลาดอิเล็กทรอนิกส์นี้ อาจจะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้ TSMC พุ่งทะยานมากขึ้นกว่าปี 2024 ก็เป็นได้
ที่มา: CNBC
อ่านข่าว
ทักษะ "AI" ไม่พอทำงาน “แรงงานยุคใหม่” ต้องผสาน "Critical Thinking"