เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา พบผู้ป่วยโรคไอกรนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูล ณ วันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยเกือบ 1,200 คนทั่วทั้งรัฐ ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 มีรายงานผู้ป่วยเพียง 51 คน ซึ่งนอกจากรัฐวอชิงตันแล้วยังพบการระบาดในรัฐมิชิแกน แอริโซนา เท็กซัสและโอไฮโอ้ เป็นต้น
จำนวนผู้ป่วยทั่วประเทศยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีรายงานผู้ป่วยมากกว่า 22,000 คน ตามข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าจำนวนผู้ป่วยที่รายงานในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023 ถึง 5 เท่าและถือเป็นจำนวนผู้ป่วยสูงสุดในรอบ 10 ปี
ผศ.สก็อตต์ โรเบิร์ตส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ จาก Yale School of Medicine ระบุว่า อัตราการฉีดวัคซีนที่ลดลงอาจเป็นสาเหตุทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคไอกรนเพิ่มขึ้น ซึ่งจากข้อมูลพบว่าอัตราการฉีดวัคซีนลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้คือเด็กที่เคยได้รับวัคซีนมาแล้ว กลับไม่ได้รับวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มที่ต้องฉีดทุก ๆ 10 ปี
ทารกเกาหลีใต้เสียชีวิตจาก "ไอกรน"
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (KDCA) รายงานการพบผู้เสียชีวิตจากโรคไอกรนคนแรกของประเทศ นับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2554 หรือเมื่อ 13 ปีก่อน โดยระบุว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเด็กทารกอายุไม่ถึง 2 เดือน มีผลตรวจโรคไอกรนเป็นบวกเมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีอาการทรุดลงและเสียชีวิตในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน รายงานระบุว่าจำนวนผู้ป่วยโรคไอกรนพุ่งสูงขึ้นในปี 2024 หลังพบผู้ติดเชื้อแล้ว 30,332 คน หากนับถึงสัปดาห์แรกของเดือน พ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากหากเทียบกับยอดผู้ป่วยยืนยันผล 292 คนตลอดทั้งปี 2023
อ่านข่าว
"โรคไอกรน" ป่วยยืนยัน 20 คน ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด